Digital Marketing คืออะไร
Digital Marketing คืออะไร
ปัจจุบันในยุคที่ทุกอย่างกลายเป็นออนไลน์ไปหมด หลายคนคงได้ยินกับคำว่า Digital Marketing มากันมากมาย แต่หลายคนก็ยังไม่ชัวร์ว่าจริงๆแล้ว Digital Marketing เนี่ยคืออะไรกันแน่และ Digital Marketing มีประโยชน์ยังไงบ้าง
Digital Marketing มี 2 คำรวมกันอยู่
คำแรกคือ Digital ซึ่งตามพจนานุกรมมีความหมายไปทางเชิงเลข มีความหมายโดยนัยว่าเป็นอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสาร หรือทำงานด้วยสัญญาณ ปัจจุบันก็คือพวกเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
คำที่ 2 คือ Marketing แปลตรงตัวคือการตลาด เป็นคำที่ถูกนิยามถึงวิธีการทำธุรกิจจนนำไปสู่การสร้างผลกำไร ดังนั้น Digital Marketing ก็แปลว่า การทำตลาดบนโลกออนไลน์ นั่นเอง ซึ่งเครื่องมือ Digital ก็คือทุกสิ่งทุกอยากที่อยู่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เช่น โทรศัพท์ สมาร์ทโฟน โทรทัศน์ ล้วนนับเป็น Digital Marketing ด้วยกันทั้งสิ้น
ทำไมต้องพึ่ง Digital Marketing
เพราะปัจจุบันการแข่งขันในโลกสูงขึ้นมาก ทำให้เกิดกระแสการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ หลายธุรกิจก็กำลังปรับตัวขึ้นบนออนไลน์ด้วยเช่นกันเพราะว่า
1.เราสามารถตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนบนโลกออนไลน์ได้
2.รู้จักกลุ่มลูกค้าที่แท้จริง และมีฐานข้อมูลลูกค้าเพิ่มขึ้น
3.สามารถรับมือคู่แข่งของคุณได้
4.สามารถผลิต Content ได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย
5.สามารถเติบโตได้แบบก้าวกระโดด
Digital Marketing มีประโยชน์กับธุรกิจยังไงบ้าง
1.เราสามารถตอบโต้กับลูกค้าได้แบบ real-time
2.มีลูกค้าอยู่ทั่วโลก
3.สร้างตัวตนบนออนไลน์ได้ชัดเจนเพิ่มความเชื่อมั่นความไว้วางใจกับลูกค้า
4.สามารถส่งสาร โปรโมท โฆษณาได้ทุกช่องทาง
5.ใช้งบประมาณน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในปริมาณมาก
6.สร้างความเท่าเทียม สามารถแข่งขันกับบริษัทใหญ่ๆได้ โดยการทำ Digital Marketing
Digital Matketing มีกี่ประเภท และแต่ละประเภทมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่บ้าง
Digital Marketing มี 8 ประเภท
1.Seo ย่อมาจาก Search Engine Optimisation คือการสร้างการจัดอันดับใน Google
$ 5,000 - หลักแสน ขึ้นอยู่กับการแข่งขันในธุรกิจนั้นๆ
2.Pay Per Click คล้ายๆ Seo เป็นการจัดลำดับเหมือนกัน แต่ PPC คือการซื้อค่าโฆษณาจาก Google โดย Google จะเรียกเก็บเงินตามจำนวนคลิกของผู้เข้าชม
$ เริ่มต้น 3,000 หรือคำนวณโดย (Competitor Ad Rank / Your Quality Score) + 0.01 = Actual CPC
3.Social Media Marketing คือ แพลตฟอร์มบนอินเทอร์เน็ต เช่น Facebook Instagram หรือ Line ที่สามารถสร้างแบรนด์ทำการตลาดได้โดยการยิงแอดโฆษณา
$ วันละ 100 - 1,000 บาท หรือบริษัทที่มีแคมเปญก็มีหลัก 10,000 ต่อวัน
4. Content Marketing เป็นการสร้างคอนเทนต์หรือเนื้อหาเพื่อให้ข้อมูลความรู้แก่ลูกค้ามากกว่าที่จะปิดการขาย แสดงถึงความจริงใจกับลูกค้า
$ เริ่มตั้งแต่ 200 ขึ้นอยู่กับเอเจนซี่และข้อตกลงในการดูแล Blog Content
5.Email Marketing เป็นการส่งโปรโมชั่น อีเว้นต่างๆ ผ่านช่องทางอีเมลล์แบบเฉพาะเจาะจง เพื่อเพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้าให้เหนียวแน่น
$ 2,400 - 35,000 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนที่ส่งและจำนวนวันหมดอายุ
6.Video Marketing ก็เป็นอีกช่องทางที่ดีมากๆ เพราะผู้บริโภคส่วนมากชอบเรียนรู้สินค้าโดยผ่านวิดิโอมากกว่าบทความ ถ้าทำช่องทางบน Youtube ก็สามารถเพิ่มยอดเข้าชมได้ เพิ่มยอดวิวหรือจะเป็นการซื้อ Ads โฆษณาก็ได้เช่นกัน
$ ยิงแอดโฆษณาคิดเป็นรายเดือน เริ่มตั้งแต่ 15,000 บาท
7.Influencer Marketing ซึ่ง Influencer คือผู้ที่มีอิทธิพลต่อโซเซียลมีเดีย คือเหล่าดารา เซเลบ เน็ตไอดอลที่มีฐานแฟนคลับกลับกับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการมาโปรโมทสินค้าเรา
$ ค่าโฆษณา ขึ้นอยู่กับ Platform และกลุ่มฐานผู้ติดตาม เช่น
Nano-influencer มียอด Followers 1,000 - 10,000 คน
Instagram 786 - 7,864 บาท / โพสต์
Facebook 786 - 7,864 บาท / โพสต์
Youtube 630-6,200 บาท / โพสต์
Micro-influencer มียอด Followers 10,000 - 50,000 คน
Instagram 3,100 - 15,700 บาท / โพสต์
Facebook 7,864 - 39,324 บาท / โพสต์
Youtube 6,200 - 31,460 บาท บาท / โพสต์
Macro-influencer มียอด Followers 500,000 - 1,000,000 คน
Instagram 157,300 - 314,600 บาท / โพสต์
Facebook 393,249 - 786,499 บาท / โพสต์
Youtube 314,600 - 629,200 บาท บาท / โพสต์
8.Affiliate Marketing คือการเป็นพาร์ทเนอร์กับธุรกิจใดๆที่มีการตอบแทนโดยการแบ่ง %ให้ เช่น หลายๆช่องมักจะพูดถึงสินค้านั้นๆในคลิปและส่งท้ายว่าถ้าสนใจให้ใส่โค้ดนี้เพื่อเป็นส่วนลดบลาๆๆ แบบนี้ถ้ามีคนซื้อสินค้าจากโค้ด เค้าก็จะมีการแบ่ง % ให้กับพาร์ทเนอร์
$ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดีลแต่ละงานแต่ละคน
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนก็อาจจะเข้าใจคำว่า Digital Marketing กันแล้ว ก็สามารถนำไปต่อยอดธุรกิจได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันบนตลาดออนไลน์ได้ หรือถ้าเกิดมีปัญหาสามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ https://wrksoftware.co/th/contact-us